ผมอยากจะแนะนำให้คุณรู้จักกับคุณ Netnapha อีกครั้งหนึ่งครับ ครั้งนี้คุณ Netnapha จะมาเล่าถึงประสบการณ์ของเธอเกี่ยวกับการพบเจอวัฒนธรรมที่แตกต่างระหว่างคนไทยกับคนสวีเดน และเกี่ยวกับการอยู่อาศัย, การทำงาน, การหาความรัก(คู่รัก)ในประเทศสวีเดน
ผมอยากจะแนะนำคุณกับคุณ Netnapha Bunming
ย้ายมาอยู่ประเทศสวีเดน (Sweden)
รูปถ่ายทั้งหมดนี้คือผลงานตัวอย่างส่วนหนึ่งของคุณ Netnapha Bunming
ตั้งแต่ที่คุณ Netnapha ย้ายจากประเทศไทยมาอยู่ที่ประเทศสวีเดนครั้งแรกมีวัฒนธรรมหรือการปฏิบัติอย่างใดของชาวสวีเดนบ้างครับที่คุณ Netnapha รู้สึกประหลาดใจ ( cultural shock ) ช่วยบอกผมมาอย่างน้อยสัก3 ข้อ
วัฒนธรรมหรือการปฏิบัติของชาวสวีเดนที่ทำให้ดิฉันรู้สึกประหลาดใจ (ในสายตาคนไทยอย่างดิฉัน)
– การลำดับความอาวุโส จะไม่มีการเรียกนำหน้าชื่อว่า ลุงป้าน้าอา ฯลฯ แต่จะใช้การเรียกชื่อก่อน แล้วถึงจะแนะนำว่าคนๆนั้นเป็นใคร จะเด็กกว่าหรือผู้ใหญ่ก็ใช้การเรียกชื่อเลย ซึ่งต่างกับเมืองไทยมากเพราะว่าที่เมืองไทยจะมีการแบ่งผู้ใหญ่และเด็กออกอย่างชัดเจน
– เรื่องการไปมาหาสู่ ถ้าเราจะไปเยี่ยมหรือว่าพูดคุยกับใครเราต้องนัดล่วงหน้า ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นญาติสนิท ซึ่งต่างจากเมืองไทยคือเราสามารถจะเดินทางไปเยี่ยมคนรู้จักเมื่อไหร่ก็ได้
– ธรรมเนียมการต่อแถว ทุกๆคนจะต่อแถวเพื่อซื้อของหรือขึ้นรถบัส หรืออื่นๆอีกมากมายอย่างเป็นระเบียบและมีความอดทนค่ะ

ตอนนี้คุณอยู่ประเทศสวีเดนกระยะแล้ว และเมื่อคุณได้กลับไปประเทศไทยคุณรู้สึกว่ามีบางวัฒนธรรมของไทยที่ทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจบ้างไหมครับ มีอะไรในประเทศไทยที่คุณรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปและมันแปลกไปกว่าที่เคย
อะไรที่คุณชอบแบบที่คนสวีเดนทำมากว่าแบบที่คนไทยทำ ช่วยยกตัวอย่างมาสัก 3 ข้อครับ
– ความเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังจากที่ดิฉันได้มาอาศัยอยู่ที่ประเทศสวีเดนเป็นเวลานาน และได้กลับไปที่เมืองไทย เรื่องที่ทำให้แปลกใจก็คือ ความเป็นระเบียบเช่นการต่อแถวในการซื้อของ ขึ้นรถเมล์ตามเมืองต่างจังหวัดแย่มากๆ ดิฉันชอบแบบที่สวีเดนมากกว่าคือทำให้เป็นระเบียบ
– การไปพบปะเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้อง ที่เมืองไทยใครอยากจะไปหาใครหรือว่าอยากมาหาใครเราก็ทำเลยโดยที่ (ส่วนมาก) จะไม่บอกล่วงหน้า ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่สะดวกที่จะต้อนรับ เพราะฉะนั้นดิฉันคิดว่าที่สวีเดนดีกว่าเรื่องการนัดหมายและตรงเวลา
– เรื่องความเป็นส่วนตัว ที่ทำให้ดิฉันแปลกใจมากๆก็คือคนไทยส่วนมากชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ไม่ค่อยเคารพสิทธิของคนอื่นและสิทธิของส่วนรวมค่ะ ซึ่งต่างจากที่สวีเดนมาก ที่สวีเดนเรื่องการเคารพสิทธิส่วนบุคคลและสิทธิส่วนรวมมากค่ะ แต่ละคนจะไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวคนอื่น จนมีคำกล่าวไว้ว่า ปฏิบัติต่อคนอื่นให้เหมือนกับที่เราต้องการให้เขาปฏิบัติต่อเราค่ะ

เมื่อคุณมาถึงประเทศสวีเดนใหม่ๆคุณรู้สึกอย่างไรกับอาหารของชาวสวีเดนเมนูไหนที่คุณชอบและเมนูไหนที่คุณไม่ชอบคุณรู้สึกว่าเมนูไหนแปลกอย่างที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน
คนสวีเดนส่วนใหญ่แล้วจะกินเพื่ออยู่นะคะ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน ประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่หนาวเย็นถึงจะมีช่วงหน้าร้อนก็จะเป็นแค่เวลาสั้นๆเพียง 3 ถึง 4 เดือน อาหารประจำชาติของสวีเดนคือ köttbulle หรือว่า metboll ของอังกฤษค่ะ อาหารส่วนมากก็จะคล้ายๆทางนอรเวย์แล้วก็เดนมาร์กค่ะ ส่วนมากแล้วพวกผักผลไม้จะเป็นของนำเข้าค่ะ อาหารประจำชาติสวีเดนที่ดิฉันว่าแปลกก็คือ surströmming ซึ่งมันก็คือปลาร้าสวีเดน ซึ่งมันจะมีกลิ่นที่ร้ายกาจมาก คนสวีเดนไม่ได้ทานกันทุกคนนะคะ แต่เขาก็จะมีเทศกาลทานปลาชนิดนี้กันค่ะ อีกอย่างก็คือ blodpudding เป็นอาหารสวีเดนโบราณซึ่งเขาจะใช้เลือดของหมูมาทำ คล้ายๆเยลลี่ คือมีความรู้สึกว่าใครเป็นคนต้นคิดทำอาหารแบบนี้ ทั้งสองอย่างนี้เคยเห็นแต่ว่าไม่เคยลองชิมค่ะ อย่างแรกทนกลิ่นไม่ไหว เจอกลิ่นครั้งเดียวถึงกับอาเจียนค่ะ อย่างที่สองมันเป็นอะไรที่เอาเลือดหมูมาทำเยลลี่ ก็เลยไม่เคยลองน่ะค่ะ

อ้อ ลืมเล่าถึงอาหารที่ชอบ มันคือ färspotatis มันฝรั่งสดค่ะ หัวเล็กๆซึ่งจะมีให้ทานแค่ช่วงเทศกาลฉลองฤดูร้อนของชาวสวีเดนคือช่วงเดือน มิถุนายนค่ะ ต้มทั้งเปลือกแล้วเอามาทานกับเนย แล้วก็ sill ปลาแฮริ่งหมักค่ะ แล้วอีกอย่างคือ janssons frestelse ซึ่งก็คือ การนำเอามันฝรั่งมาผสมกับหอมใหญ่แล้วก็ปลา ansjovis แล้วก็ครีมค่ะแล้วก็นำไปอบในเตาอบจะเป็นอาหารช่วงเทศกาลคริสมาสต์ค่ะ นี่คงจะเป็นอาหารสองอย่างที่ดิฉันชอบมากที่สุดค่ะ

ก่อนที่คุณจะย้ายมาอยู่ประเทศ สวีเดน คุณเคยคิดฝันว่า ประเทศสวีเดนหรือดินแดนของพวกฝรั่งเป็นอย่างไร เคยคิดไหมครับว่าดินแดนของพวกฝรั่งนั้นทางเดินโรยด้วยทองคำและถ้าได้อยู่ที่นั่นจะทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม และพอคุณได้มาอยู่มาใช้ชีวิตจริงๆ สิ่งที่คุณเคยคิดฝันไว้นั้นมันเป็นอย่างที่คิดไว้ไหมครับ ช่วยยกตัวอย่างมาสัก 3 สิ่งว่าอะไรที่คุณคิดถึงมากที่สุดเกี่ยวกับประเทศไทย และช่วยยกตัวอย่างมาสัก 3 สิ่งคุณคิดว่าคุณไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้เลยถ้าขาด 3 สิ่งนี้จากทางประเทศสวีเดน
ก่อนที่จะย้ายมาที่ประเทศสวีเดนก็เคยคิดนะคะว่าประเทศยุโรปคงจะสวยงามน่าอยู่ แต่ว่าไม่เคยคิดว่าดินแดนฝรั่งนั้นโรยด้วยทองคำค่ะ เพราะว่าเคยอ่านประวัติศาสตร์ทั้งทางของฝั่งไทยและของประเทศยุโรปค่ะก็เลยพอจะรู้ความเป็นมาของฝรั่งหลายๆชาติค่ะ ตอนแรกไม่ได้มาอยู่เลยนะคะ คือมาเที่ยวก่อนค่ะ แล้วก็มาชอบความสวยงาม บรรยากาศที่เงียบสงบของประเทศสวีเดนค่ะก็เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ค่ะ ส่วนเรื่องที่ถามว่า ”คิดว่าชีวิตจะดีขึ้น” คือว่าอยู่เมืองไทยมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากค่ะ คือไม่ได้หวัง 100 % เพราะดิฉันคิดว่าชีวิตเราถ้าทำให้ตัวเองมีความสุข โดยไม่ทำความเดือดร้อนคนอื่น ที่ไหนๆดิฉันก็อยู่ได้ค่ะ

– สิ่งที่คิดถึงที่สุดตอนที่มาถึงใหม่ๆก็คิดถึงบ้านที่เมืองไทยค่ะ คิดถึงบรรยากาศแล้วก็สิ่งแวดล้อมที่เคยชินค่ะ
– อาหารไทยค่ะ คือว่าตอนที่ย้ายมาใหม่ๆเนี่ยคือปี 2002 นะคะ กับข้าว อาหารไทยไม่ค่อยจะมีขายค่ะ ก็ดัดแปลงเอา แต่ทุกวันนี้ย้ายมาอยู่เมืองใหญ่มีร้านขายของไทย ร้านอาหารไทยเยอะแยะค่ะ
– คิดถึงภาษาไทยค่ะ แต่ก็พูดกับลูกเอาค่ะ
ส่วนคำถามที่ว่า ”สิ่งที่คุณคิดว่าคุณไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้เลยถ้าขาดสามสิ่งนี้จากทางประเทศสวีเดน” คำถามนี้ขอตอบว่าไม่มีนะคะ ดิฉันอยู่เมืองไทยมายี่สิบกว่าปีก่อนที่จะย้ายมาอยู่สวีเดน ก็อยู่ได้ ถ้าจะต้องย้ายกลับไปเมืองไทยดิฉันก็ต้องอยู่ได้ค่ะเพราะว่าเป็นบ้านเกิดเมืองนอน คำตอบอาจจะแปลกๆสักหน่อยนะคะ แต่สำหรับดิฉันแล้วอยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะ เพราะว่าสำหรับดิฉันแล้วคนที่คิดว่าตัวเองขาดนี่คือคนที่ยังไม่พอค่ะ ตัวดิฉันเองไม่เคยขาดเพราะพอแค่ที่มีค่ะ

มีเรื่องใดบ้างครับที่เป็นวัฒนธรรมต้องห้ามในประเทศสวีเดน ( สิ่งที่ห้ามทำเมื่ออยู่ในประเทศสวีเดน)
สิ่งที่เป็นวัฒธรรมต้องห้ามในสวีเดนจะมีน้อยมากๆค่ะ เพราะว่าประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญในสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคมากที่สุดในโลกแห่งนึง เพราะฉะนั้นวัฒนธรรมที่ต้องห้ามก็คือ
– ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
– ไม่ดูถูกศาสนาและเชื้อชาติของบุคคลอื่น
สองข้อนี้คือวัฒรธรรมต้องห้ามในสวีเดนค่ะ

จากการสังเกตและจากที่คุณเรียนรู้มา คุณคิดว่างานประจำประเภทใดที่คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศสวีเดนสามารถทำได้และได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมด้วยครับ
ขอตอบตรงๆว่าคนไทยที่มาอยู่ที่สวีเดนนั้นหางานทำยากมาก ถึงจะเรียนจบมาสูงแต่ไม่ใช่สาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการก็หางานทำยากมากค่ะ แต่ก็มีมากที่จบสายงานที่ทางสวีเดนต้องการ แต่ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องภาษา คนสวีเดนส่วนมากพูดภาษาอังกฤษได้ดีถึงดีมาก แต่ภาษาราชการส่วนใหญ่จะเป็นภาษาสวีเดน และทางสวีเดนเองก็จะเลือกเอาคนของตัวเองก่อนค่ะ ส่วนมาก (ส่วนมากนะคะ) คนไทยที่มาอยู่ที่นี่จะทำงานทำความสะอาดเป็นแม่บ้านโรงแรมค่ะ เพราะว่างานแบบนี้ไม่ต้องใช้ภาษาเยอะ

แล้วส่วนมากคนไทยที่ทำอยู่ก่อนแล้วก็จะบอกกันต่อๆน่ะค่ะ ค่าตอบแทนก็เหมาะสมค่ะ ที่สวีเดนนี่ทุกคนเท่ากันหมดค่ะ คนทำงานราชการ, คนเก็บขยะ, คนทำงานทำความสะอาดก็มีสิทธิและเสรีภาพเท่าๆกันค่ะ คนที่ไม่ทำงานคือคนที่ไม่มีคุณภาพค่ะ

คุณคิดว่าการขอวีซ่าเพื่ออาศัยอยู่ในประเทศ สวีเดนอย่างถาวรนั้นยากไหมครับ และมีขั้นตอนอย่างไรบ้างครับ และการขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศสวีเดนล่ะครับขอยากไหมครับ และคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศสวีเดน สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้อย่างสะดวกไหมครับ และสามารถเปิดบัญชีในแบบใดได้บ้างครับ และธนาคารไหนดีที่สุดในประเทศสวีเดน
สมัยก่อนการขอวีซ่าถาวรของประเทศสวีเดนนั้นง่ายมากๆค่ะ แค่อยู่หรือว่าจดทะเบียนกับคนที่การันตีเรามาครบสามปีก็ยื่นขอวีซ่าถาวรได้เลยค่ะ แล้วส่วนมากก็จะผ่าน ยิ่งมีลูกกับฝ่ายชายยิ่งง่ายค่ะ ตัวดิฉันเองได้มาแบบงงๆค่ะ ขั้นตอนก็กรอกเอกสารให้ครบตามที่เขากำหนดค่ะแล้วก็ยื่นเรื่องไปค่ะ หลังจากได้วีซ่าถาวรแล้วถึงจะไปขอสัญชาติได้ค่ะ ส่วนเรื่องขอสัญชาติสมัยก่อนก็ง่ายค่ะ ขอไปไม่เกินสองเดือนก็ได้ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ขอยากมากทั้งวีซ่าท่องเที่ยว, วีซ่าหนึ่งปี, วีซ่าทำงาน หรือว่าวีซ่าถาวร ใช้เวลานานมากๆค่ะ ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการไหลทะลักเข้ามาของผู้อพยพซึ่งมีมากเกินกำลังของเจ้าหน้าที่ๆทำงานทางด้านนี้มากเกินไป ทำให้ส่งผลกระทบถึงคนชาติอื่นๆที่จะขอวีซ่าต่างๆค่ะ

ส่วนกรณีที่จะขอวีซ่านี่มันไม่ยากค่ะถ้าขอมาจากสถานทูตสวีเดน เพียงแค่มีคนจากสวีเดนรับรองมา หรือว่ามีหลักฐานการทำงานมีเงินเดือนโชว์ก็สามารถขอวีซ่ามาท่องเที่ยวที่สวีเดนได้ค่ะ แต่ถ้ามาอาศัยอยู่แล้ว แล้วจะต่อวีซ่าที่สวีเดนหรือว่าจะขอวีซ่าถาวรนี่ใช้เวลานานมาก เหตุผลก็อย่างที่บอกมาข้างต้นค่ะ

ส่วนเรื่องเปิดบัญชีธนาคารถ้าเราได้หมายเลขบัตรประจำตัวเราก็สามารถเปิดบัญชีได้เลยค่ะ เราสามารถเลือกธนาคารต่างๆได้เองค่ะ จะเปิดแบบธรรมดา, แบบออม ฯลฯ ได้หมดค่ะ แม้กระทั่งซื้อหุ้นระยะยาว แต่ว่าถ้าคุณมีเงินหมุนเวียนเยอะเกินไปทางธนาคารมีสิทธิตรวจสอบได้ทุกเมื่อ แล้วก็ทุกธนาคารด้วยค่ะ ส่วนคำถามที่ว่าธนาคารไหนดีที่สุด ขอตอบว่าไม่ทราบจริงๆค่ะ ก็คล้ายๆธนาคารที่เมืองไทยค่ะ ก็แล้วแต่คนชอบค่ะ ขอเสริมนิดนึงนะคะว่าประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่เริ่มจะไม่ใช้เงินสดแล้วค่ะถ้าคุณพอจะเคยอ่านมาแล้วมั่งเกี่ยวกับประเทศสวีเดน การทำธุรกรรมต่างๆส่วนมากคุณสามารถทำผ่านโทรศัพท์มือถือหรือว่าคอมพิวเตอร์ที่บ้านได้เลยค่ะ อ้อ..ขอเสริมอีกนิดเรื่องธนาคาร ในกรณีที่เรามีเงินเข้าออกบัญชีเยอะมากเกินไปโดยที่ไม่สามารถบอกสาเหตุแหล่งที่มาของคุณได้คุณมีสิทธิ์ติดคุกค่ะ คนไทยเพิ่งโดนจับไปคนนึงเมื่อวานนี้ค่ะข้อหาหลีกเลี่ยงภาษี แล้วที่สวีเดนนี่กฎหมายมีอยู่ว่าถ้าคุณหนีภาษีคุณมีสิทธิ์ติดคุก 100 % จะน้อยหรือจะมากแล้วแต่ว่าทนายของคุณจะเก่งหรือเปล่า แต่ถ้าคุณฆ่าคนตายเปอร์เซ็นติดคุกมีน้อยมาก แต่ก็แล้วแต่กรณีค่ะ แปลกใจล่ะคะ

ผู้ชายชาวสวีเดนมีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร และคุณคิดว่าผู้ชายชาวสวีเดน เหมาะสมที่ผู้หญิงไทยจะเลือกมาเป็นคู่ชีวิตไหม จากที่คุณได้เรียนรู้หรือพบเจอหรือเคยได้ยินมาอะไรบ้างที่เป็นปัญหาหลักๆเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่แตกต่างซึ่งทำให้ผู้หญิงไทยและผู้ชายชาวสวีเดนมักจะมีปัญหาในเรื่องของความสัมพันธ์ ช่วยยกตัวอย่างมาสัก 3 ข้อครับ
ลักษณะนิสัยผู้ชายชาวสวีเดนส่วนใหญ่จะเป็นคนใจเย็น (ขอเน้นว่าส่วนใหญ่นะคะ ไม่ใช่ทุกคน) และส่วนมากจะมีนิสัยสันโดษ เป็นตัวของตัวเองสูง จนบางครั้งดูเหมือนว่าเห็นแก่ตัว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ค่ะ เป็นคนที่มีความขี้เกรงใจ และไม่ชอบความรุนแรงค่ะ ถ้าจะให้ตอบว่าผู้ชายชาวสวีเดนเหมาะสมที่จะเป็นคู่ชีวิตของผู้หญิงไทยไหมนั้น ขอตอบว่าไม่เหมาะค่ะ ปัญหาหลักๆเลยก็คือ
– ภาษาหรือการสื่อสารกันด้วยคำพูด การที่คุณจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอาศัยอยู่ต่างประเทศอุปสรรคแรกที่คุณเจอก็คือเรื่องภาษา ถ้าพูดจากันไม่เข้าใจซะแล้วการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันก็คงจะประสบความสำเร็จยากค่ะ

– วัฒนธรรมเรื่องสามีภรรยา ที่ประเทศสวีเดนผู้ชายและผู้หญิงมีความเท่าเทียมกันเพราะฉะนั้นแล้วน้อยมากที่ผู้หญิงจะได้อยู่บ้านเป็นแม่บ้านในขณะที่ฝ่ายสามีออกไปทำงานนอกบ้าน ส่วนวัฒนธรรมไทยส่วนมากฝ่ายหญิงจะอยู่กับบ้านทำหน้าที่ภรรยาหรือดูแลบุตร ซึ่งผู้หญิงไทยหลายๆคนที่มาจากเมืองไทยก็อยากจะอยู่บ้านเฉยๆเป็นฝ่ายให้ผู้ชายออกไปทำงาน ฝ่ายชายเองส่วนมากก็อยากให้ผู้หญิงออกไปทำงานหารายได้ช่วยครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นปัญหามากๆ จนนำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้งจนทำให้เกิดปัญหาได้ค่ะ

– วัฒนธรรมครอบครัว ประเทศไทยมีวัฒนธรรมเรื่องครอบครัวส่วนมากคือ พ่อแม่ดูแลเลี้ยงลูกจนโต พอลูกโตดูแลตัวเองได้แล้วก็ต้องดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่ ไม่งั้นอาจจะถูกสังคมประนามว่า อกตัญญู ซึ่งแตกต่างจากสังคมที่นี่หรือวัฒนธรรมที่สวีเดนมาก คนสวีเดนมีลูกเพราะอยากมีไม่ได้คิดลงทุนมีลูกเพื่อที่แก่ตัวลงมาลูกจะได้เลี้ยงดู พอมีแล้วก็เลี้ยงอย่างธรรมดาทั่วๆไปอย่างครอบครัวอื่นๆ พอลูกอายุครบ 18 ปี ก็คือบรรลุนิติภาวะแล้วสามารถแยกออกจากครอบครัวเพื่อไปสร้างครอบครัวของตัวเองต่อ เมื่อเรียนจบมีงานทำก็จะไปเยี่ยมพ่อแม่บ้างตามเทศกาล แต่ไม่ต้องมาเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างที่เมืองไทย เพราะฉะนั้นเรื่องการที่ผู้หญิงไทยผู้เป็นภรรยาต้องการส่งเงินกลับไปให้พ่อแม่หรือครอบครัวที่เมืองไทยใช้เป็นประจำมันเป็นอะไรที่ผู้ชายทางสวีเดนไม่เข้าใจ เพราะว่าเติบโตมาอีกวัฒนธรรมนึง จนเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหานำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้งและอาจถึงขั้นเลิกรากันค่ะ

เพิ่มเติม
บทสัมภาษณ์ คุณ Netnapha Bunming – ประเทศสวีเดนดีจริงไหม?
ชีวิตหญิงไทยในต่างแดน เฟสบุ๊คเพจ
โปรดลงทะเบียนเพื่อรับThai Women Living Abroad ข่าวสารใหม่อย่างต่อเนื่อง
2 thoughts on “ชีวิตใหม่ อาจจะไม่ใช่ อย่างที่ฝัน”