ผมอยากแนะนำให้คุณได้รู้จักกับ คุณสรินยา วิทยาอารีย์ ผู้หญิงไทยที่มีความสุขกับการเรียนรู้ภาษาต่างๆและนำมาสอนต่อเพื่อเป็นวิทยาทาน วันนี้ ครูยา ได้ให้คำแนะนำถึงการเริ่มต้นเรียนภาษาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สนใจภาษาอิตาลีและภาษาเยอรมันเป็นพิเศษ ติดตามครูยาได้ที่เพจนี้เลยครับ
บทความ
นักเขียนรับเชิญคนพิเศษ – ครูยา
ย้ายมาอยู่ประเทศอิตาลี (Italy) สิ้นปี 2006
ภาพถ่ายจาก Pixabay
” เคล็ดลับการเรียนภาษาอย่างไรให้ได้ผล ”
ถาม : อยากเรียนภาษาต้องทำยังไงคะ
ตอบ : ก็ต้องเรียนค่ะ จะเรียนด้วยตัวเองหรือไปเรียนที่โรงเรียนก็ได้ค่ะ
ถาม : จะเริ่มเรียนยังไงดีค่ะ
ตอบ : ถ้าไปโรงเรียนก็พยายามทำทุกอย่างที่ครูบอกให้ดีที่สุด เขาจะแนะนำสิ่งต่างๆ เพื่อให้เรารู้มากขึ้นจากประสบการณ์ของเขา ตั้งใจเรียนให้มากๆ จะได้คุ้มกับเงินที่เสียไปค่ะ ถ้าจะเรียนด้วยตัวเองก็ต้องเข้าใจก่อนว่า การเรียนนั้นประกอบด้วย การพูด การฟัง การอ่าน การเข้าใจ และการเขียน จะเริ่มเรียนอะไรก่อนก็ได้ค่ะ เพราะท้ายสุดก็ต้องทำให้ได้ทุกอย่างค่ะ
ถาม : จะเรียนพูดได้ยังไงคะ ไม่มีเพื่อนฝรั่งเลยค่ะ
ตอบ : ก็ไปยูทูปค่ะ แล้วก็หัดฟังแล้วก็พูดตามทุกสิ่งที่ได้ยิน พูดออกเสียงดังๆ ด้วยนะคะ ทำแบบนี้เพื่อเป็นการฝึกฝนการขยับปากค่ะ ช่วงแรกๆ ถึงจะไม่รู้เรื่องทุกอย่างก็ไม่เป็นไรค่ะ พูดตามสิ่งที่ได้ยินไปเรื่อยๆ ค่ะ ลองนึกถึงเด็กทารกซิคะ พวกเขาฟังพวกเราพูดเป็นปี โดยที่เขาก็ไม่เข้าใจสักคำ พอผ่านไป 1 ปีแล้ว ก็ถึงจะพูดออกมาทีละคำ เพราะฉะนั้น อย่าคาดหวังว่าเราเรียนปุ๊บ แล้วเราจะเข้าใจปั๊บค่ะ มันต้องใช้เวลานาน จำไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ก็ซ้ำไปสักร้อยรอบ เดี๋ยวเราก็จะจำได้มากขึ้นเองค่ะ
ถาม : อ่านแล้วไม่เข้าใจสิ่งที่อ่านเลย ทำยังไงดีค่ะ
ตอบ : รอบแรกอ่านเพลินๆ ไปก่อนค่ะ แล้วก็หาคำศัพท์ที่เราไม่เข้าใจ แล้วก็ลองอ่านอีก 10 รอบ ในแต่ละรอบที่เราอ่าน เราจะเข้าใจมากขึ้นทีละนิดทีละหน่อยค่ะ ในท้ายที่สุด รับรองว่าต้องเข้าใจมากขึ้นแน่นอน ถ้ายังไม่เข้าใจ ให้ถามคนอื่นเมื่อมีโอกาสค่ะ
การเขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเรียนก็ช่วยให้เราจำอะไรได้มากขึ้นนะคะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูก่อนค่ะ ได้ผลจริงๆ ค่ะ
ถาม : อ่านหนังสืออยู่บ้านคนเดียว มันเหมือนจะเข้าใจ แต่เอาสิ่งที่เรียนมาใช้ไม่ได้เลยค่ะ
ตอบ : ลองจับกลุ่มเรียนด้วยกันซิคะ ในเฟสบุ๊คมีหลายกลุ่มที่สามารถเรียนร่วมกันกับคนอื่นได้ เรียนฟรีด้วยค่ะ เขียนตอบคำถามคนที่เขาสอนเราบ่อยๆ ถ้าอยากเก่งเร็วขึ้น อย่ากลัวผิดค่ะ เพราะว่าทุกครั้งที่เราตอบผิด นั่นคือโอกาสที่เราจะได้เรียนในสิ่งที่เรายังไม่รู้ค่ะ อ่านข้อผิดพลาดของคนอื่นนั้นก็ดี แต่ถ้าเราเขียนผิดเอง แล้วมีคนแก้ไขให้ คนที่ได้เรียนเพิ่ม คือตัวเราเองนะคะ อย่ากลัวผิดค่ะ
ถาม : เวลาท่องจำคำศัพท์ แกรมม่า และอื่นๆ ในการเรียนภาษานี่มันทรมานจังค่ะ ได้หน้าลืมหลังทุกที ทำยังไงดีค
ตอบ : ยาก็เป็นคนที่จำอะไรไม่ได้เหมือนกันค่ะ ตัวอย่างเช่น พวกคำกริยา 1 คำ ที่สามารถผันออกมาได้เกือบร้อยแบบ ถ้าจะให้ท่องจำทั้งหมดและทุกคำด้วย ชาตินี้ยาก็คงทำไม่ได้แน่ค่ะ ยาเลยใช้วิธีเขียนคำกริยา 1 คำ ที่ผันออกมาได้เกือบร้อยแบบนั้นลงในกระดาษ A4 1 คำกริยาก็ใช้กระดาษ 1 แผ่น เขียนทุกคำกริยาที่ยาใช้บ่อย พอลืม จำไม่ได้ว่ามันผันยังไง ยาก็ไปเปิดดูได้สะดวก เพราะยาเรียงแยกไว้เป็นหมวดหมู่ พอหาซ้ำหลายๆ รอบเข้า มันก็จะเข้าหัวเอง แล้วจำได้โดยที่ไม่ต้องท่อง ก็ทรมานน้อยลงค่ะ
ถาม : พอพูดได้เป็นคำๆ แต่พอพูดกับฝรั่งแล้วเขาฟังเราไม่รู้เรื่อง ทำยังไงดีคะ
ตอบ : ถ้าพูดเป็นคำๆ แล้วเขาไม่เข้าใจ ลองจำเป็นประโยคแล้วเอาไปพูดกับเขาดูค่ะ ถ้าการวางคำในประโยคถูกต้อง เขาก็จะเดาที่เหลือได้ และเขาก็จะเข้าใจเรามากขึ้นค่ะ
ถาม : ไม่ค่อยว่าง ไม่ค่อยมีเวลาเรียนเลยค่ะ แบ่งเวลายังไงดีคะ
ตอบ : ช่วงตลอดวัน ถ้าเราไม่ได้ทำงานที่ต้องใช้สมอง เราก็คิดทบทวนสิ่งที่เราได้เรียนมาแล้วก็ได้ค่ะ หรือหัดคิดแต่งประโยคเป็นภาษาที่เราเรียนอยู่ก็ยิ่งดีค่ะ ถ้าเรามี 5 นาที ก็อ่าน 5 นาทีค่ะ ถ้ามีเวลาเช็คความเป็นไปในเฟสบุ๊ค 10 นาที ก็แบ่งเวลามาเรียนก่อนสัก 5 นาที ก็ได้ค่ะ ถ้าเราอยากเรียนจริงๆ เราก็จะหาเวลาเรียนจนเจอค่ะ
ถาม : อยากจะหัดแต่งประโยค แต่ไม่รู้จะแต่งประโยคอะไรดีค่ะ
ตอบ : ยาว่าควรจะเริ่มหัดแต่งประโยคง่ายๆ สั้นๆ ที่เราจะต้องใช้ทุกวันก่อนค่ะ หัดแต่งประโยคที่เราจะต้องใช้พูดตั้งแต่เช้าจรดเย็นเลย เพราะประโยคเหล่านี้เราจะได้ใช้ทุกวัน พอจำประโยคพวกนี้ได้แม่น แล้วค่อยหัดแต่งประโยคที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อใช้เล่าอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราให้ฝรั่งฟังได้ต่อไปค่ะ
ถาม : มีหนังสือมากมาย แต่ก็ยังพูดไม่ได้ ปัญหามันคืออะไร มีหนังสือดีๆ เล่มไหนแนะนำเพิ่มไหมคะ
ตอบ : หนังสือที่มีอยู่ อ่านแล้วสรุปเรื่องที่เขาสอนออกมาได้ไหมคะ ถ้ายังไม่ได้ อย่าเพิ่งซื้อใหม่ค่ะ เพราะหนังสือแต่ละเล่มก็สอนพื้นฐานเหมือนๆ กันหมด เล่มไหนก็ดีทั้งนั้นค่ะ พยายามอ่านทุกหน้า ทุกตัวอักษรและสรุปออกมาให้ได้ก่อนว่าเขาสอนเรื่องอะไรบ้าง ถ้างงเรื่องไหน ก็ถามคนที่เขารู้เป็นเรื่องๆ ไป ชี้เฉพาะเจาะจง จี้เป็นจุดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรางง อย่าถามรวมๆ เพราะคนตอบก็จะตอบแบบรวมๆ เหมือนกันค่ะ คันตรงไหน ชี้ไปให้ถูกจุด คนที่มาช่วยจะได้เกาได้ตรงจุด อย่างงอยู่คนเดียวค่ะ
ส่วนคนที่เปิดหนังสือผ่านๆ เร็วๆ ไม่ได้อ่านอะไรจริงๆ จังๆ หรืออ่านผ่านๆ รอบเดียว แล้วบอกว่าไม่รู้เรื่อง ยาขอแนะนำให้ลงมืออ่านอย่างจริงจังซะทีค่ะ หนังสือเล่มนึง เราควรอ่านมันสัก 100 รอบ เอาให้เข้าใจแจ่มแจ้ง ทะลุปรุโปร่งทุกสิ่งทุกอย่างก่อน แล้วค่อยซื้อหนังสือเล่มใหม่ที่มีความยากมากขึ้นจะดีกว่าค่ะ
การอ่าน จะทำให้เราเข้าใจหลักการการใช้ภาษานั้นๆ จะรู้ได้ไงว่าเราเข้าใจมันแล้วจริงๆ วิธีเช็คคือ เวลาเราพูดผิด เราจะรู้ตัวว่า เราผิดตรงไหน เพราะเราอ่านผ่านตามาแล้ว 100 รอบค่ะ
การจะพูดได้นั้น เราต้องฝึกการพูด การฟัง การขยับปาก ฝึกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ เปิดวิทยุ เปิดทีวีทิ้งไว้ทั้งวัน ตอนทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน แล้วเราก็ตั้งใจฟัง และพูดตามวิทยุและทีวีนั้นให้ได้ เราฝึกอยู่ที่บ้านได้ทั้งวันจริงๆ ค่ะ ยังไงก็จะพูดได้ในที่สุด ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของมนุษย์เราหรอกค่ะ
ถาม : อยากจะพูดภาษาได้ แต่มันไม่ค่อยจะมีแรงเรียนเลยค่ะ จะหากำลังใจจากไหนดีคะ
ตอบ : อันนี้สำคัญสุดเลยค่ะ ถ้าเราไม่รู้จะเรียนไปทำไม มันก็ทำให้เราไม่มีแรงเรียนค่ะ ต้องหาสาเหตุในการเรียนก่อนค่ะ เช่น อยากมีแฟนฝรั่ง อยากคุยกับเขารู้เรื่อง หรือ เราเป็นแม่แต่คุยกับครูที่โรงเรียนไม่รู้เรื่อง ถ้าเราอยากรู้ว่าครูพูดถึงลูกเราอย่างไรบ้าง เราก็ต้องกระตุ้นตัวเองให้เรียนภาษามากขึ้นค่ะ สรุปค่ะ เมื่อเราหาสาเหตุ หรือหาเหตุผลว่าทำไมเราต้องเรียนเจอ มันก็จะเป็นกำลังใจและเป็นตัวเร่งให้เราเรียนพูดมากขึ้น แล้วเราก็จะพูดเป็นเร็วขึ้นค่ะ ยาขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนตั้งใจเรียน จะได้พูดกับคนอื่นรู้เรื่องเร็วๆ ค่ะ อย่ายอมแพ้เพราะว่ามันยาก หยุดเรียนตอนที่เราพูดได้แล้วเท่านั้น ถ้ายังพูดไม่ได้ อย่าหยุดเรียนค่ะ

หากท่านใดสนใจเรื่องราวของเธอเพิ่มเติมจากนี้ ติดตามเธอทางเฟสบุ๊คส่วนตัวของเธอได้ครับ
เฟสบุ๊ค-คุณ สรินยา วิทยาอารีย์กุล
เพิ่มเติม
เรียนรู้และปรับตัวเพื่อการใช้ชีวิตในเจโนวา อิตาลี
ร้านออนไลน์ที่คุณยามีอยู่
1. กับ Threadless
2. กับ Society 6
3. กับ Curioos
โปรดลงทะเบียนเพื่อรับThai Women Living Abroad ข่าวสารใหม่ อย่างต่อเนื่อง
4 thoughts on “เคล็ดลับการเรียนภาษาอย่างไรให้ได้ผล”