บทสัมภาษณ์ผู้หญิงไทยที่ย้ายไปอยู่ยังต่างประเทศ ครั้งนี้ผมอยากจะแนะนำให้คุณได้รู้จักกับผู้หญิงไทยที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ยังประเทศเดนมาร์ก เธอคือคุณ Skillfulviolet และนี่คือ มุมมอง ประสบการณ์ และคำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับการใช้ชีวิตในประเทศเดนมาร์ก
ผมอยากจะแนะนำคุณกับ คุณ Skillfulviolet
ภาพถ่ายจาก Anchan Chamnannao
1) เริ่มตั้งแต่แรกเลยคุณมาอยู่ประเทศเดนมาร์กเพราะอะไร และคุณอาศัยอยู่ที่เมืองอะไรในประเทศเดนมาร์กครับ
ย้ายมาอยู่เดนมาร์กเพราะคำนึงถึงเรื่องระบบการศึกษาค่ะ ก่อนจะย้ายมาอยู่เดนมาร์ก ครอบครัวอาศัยอยู่ที่กรีนแลนด์มาก่อน เมื่อลูกโตขึ้นอยากให้เขาได้รับการศึกษาที่เป็นระบบและมีมาตรฐานที่ดี ประกอบกับตัวเองก็ต้องการศึกษาในระบบของเดนมาร์กด้วย จึงได้ย้ายกลับมาบ้านเกิดของสามีที่อยู่เดนมาร์กค่ะ ตอนนี้อาศัยอยู่ที่เมือง Hundested ห่างจากกรุงโคเปนเฮเกนประมาณ สี่สิบห้านาที (โดยรถยนต์) ค่ะ
2) คุณเกิดและเติบโตที่ไหนที่ประเทศไทยครับ ช่วยบอกเราได้ไหมครับว่าชีวิตวัยเด็กนั้นเป็นอย่างไรครับ
เกิดที่อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ค่ะ คุณพ่อรับราชการครู ส่วนแม่ค้าขาย ฐานะปานกลาง อาศัยอยู่ที่อำเภอหนองกี่จนอายุสิบเอ็ดขวบ คุณพ่อย้ายมารับราชการที่อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้ย้ายโรงเรียนมาเรียนต่อที่อำเภอเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ค่ะ ชีวิตในวัยเด็กถูกสอนจากคุณแม่ให้ช่วยเหลือและรับผิดชอบงานบ้าน ด้วยความที่คุณแม่มีอาชีพค้าขาย ลูกทั้งสามคนจึงได้รับมอบหมายหน้าที่ให้รับผิดชอบตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้าโรงเรียนก็ได้รับการปลูกฝังให้ตั้งใจเรียนเพื่อจะได้มีหน้าที่การงานที่ดีในอนาคต ชีวิตในวัยเด็กมีกิจวัตรประจำวันที่เหมือนกันแทบจะทุกวันค่ะ ตื่นเช้ามาต้องทำงานที่รับมอบหมายในบ้านให้เสร็จก่อนไปโรงเรียน กลับจากโรงเรียนก็ช่วยงานพ่อแม่ อ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน ไม่ค่อยได้ออกไปเล่นนอกบ้านมากนัก โตขึ้นมาระดับชั้นมัธยมศึกษาก็เริ่มวางแผนเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย จนกระทั่งเรียนจนระดับปริญญาตรีค่ะ
3) ตอนนี้คุณทำอาชีพอะไรครับ และคุณเคยทำอาชีพอะไรบ้างครับตั้งแต่มาอยู่ที่ ประเทศเดนมาร์กครับ
หลังจากย้ายมาอยู่เดนมาร์กเมื่อปี 2014 ก็เริ่มต้นด้วยการเรียนภาษาก่อนค่ะ เพราะที่เดนมาร์กมีกฏว่าต้องเรียนภาษาแดนิชให้จบภายในสามปีอย่างน้อยหนึ่งระดับ แต่เราใช้เวลาในการเรียนภาษาในตอนเย็นควบคู่ไปกับการเรียนด้านการพยาบาลผู้สูงอายุในตอนกลางวันในโรงเรียนปกติของที่เดนมาร์กควบคู่ไปด้วย และเรียนจบภาษาสองระดับซัมเมอร์ปีที่แล้ว และเรียนจบด้านการพยาบาลผู้สูงอายุเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสทำงานด้านที่เรียนจบมาใกล้กับบ้านที่พักอยู่ตอนนี้ค่ะ ตอนอยู่กรีนแลนด์ทำงานเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมให้เด็กค่ะ ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทยที่วิทยาลัยเทคนิคคูเมือง อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงเรียนบ้านสวายสอ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ค่ะ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่กรีนแลนด์ในปี ค.ศ.2009 ค่ะ
4) คุณพูดภาษาเดนมาร์กได้ไหม คุณคิดว่าภาษาเดนมาร์กยากสำหรับคุณไหมและคุณใช้เวลาเรียนรู้ฝึกฝนนานแค่ไหนกว่าคุณจะพูดภาษาเดนมาร์กจนเข้าใจและสื่อสารได้ และคุณพูดภาษาอื่นได้อีกไหม
ที่เดนมาร์กมีกฏว่าคนที่เข้ามาอยู่ต้องเรียนภาษาแดนิชค่ะ โดยถ้าเรียนเสร็จในระดับที่กำหนดภายในสามปี คอมมูนจะจัดการค่าใช้จ่ายให้ ถ้าเรียนไม่จบภายในระยะเวลาที่กำหนดจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองซึ่งแพงมาก ด้วยความที่ดิฉันอาศัยที่กรีนแลนด์มาก่อนซึ่งที่นั่นใช้ภาษาแดนิชในการสื่อสารด้วย ทำให้ง่ายสำหรับดิฉันในการใช้ภาษาแดนิช ประกอบกับการตัดสินใจเข้าเรียนในระบบของเดนมาร์กทำให้ต้องใช้ภาษาแดนิชในการสื่อสารค่ะ สิ่งเหล่านี้ทำให้ได้ฝึกและใช้ภาษาแดนิชในชีวิตประจำวัน ประกอบกับการทำงานซึ่งเป็นการบังคับให้ต้องใช้ภาษาแดนิชเป็นหลักค่ะ ดิฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษมาก่อนเลยทำให้การเรียนรู้ภาษาแดนิชเร็วขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้เคยอาศัยอยู่ที่กรีนแลนด์มาก่อนเลยค่อนข้างคุ้นเคยกับภาษากรีนแลนดิกด้วยค่ะ เข้าใจภาษากรีนแลนดิกได้นิดหน่อยค่ะ การเรียนรู้ภาษาแดนิชค่อนข้างยากค่ะโดยเฉพาะการออกเสียงและหลักไวยากรณ์ที่ค่อนข้างยาก แต่การที่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมาก่อนค่อนข้างจะช่วยได้มากในการอ่านและการเขียนค่ะ
5) ในมุมมองของคุณ คุณคิดว่ามันยากไหมสำหรับการที่คนไทยต้องปรับตัวไปใช้ชีวิตแบบคนเดนมาร์ก แล้วถ้ามันยาก มันยากยังไง และอะไรเป็นเรื่องที่ปรับตัวยากที่สุด
ในมุมมองของดิฉันการปรับตัวเพื่ออยู่ในเดนมาร์กไม่ค่อยยากค่ะ เนื่องด้วยไลฟ์สไตล์ของดิฉันชอบอยู่ในเมืองที่เงียบๆ สงบๆ อยู่แล้ว แต่ต้องเพิ่มการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม ประเพณีของชาวแดนิช สิ่งที่ยากที่สุดในการอาศัยอยู่ที่เดนมาร์กน่าจะเป็นเรื่องของการเรียนรู้ภาษาแดนิช ซึ่งกว่าจะเข้าใจและสื่อสารได้ค่อนข้างจะใช้เวลา แต่เราจะเห็นได้ว่าที่เดนมาร์กคุณสามารถเรียนรู้ภาษาได้จากการส่งเสริมและสนับสนุนของรัฐบาล รวมทั้งที่เดนมาร์กยังมีอาสาสมัครในแต่ละคอมมูนที่พร้อมจะช่วยเหลือในเรื่องของการเรียนรู้ภาษาค่ะ คนเดนมาร์กค่อนข้างจะใช้ชีวิตเรียบง่าย สงบ นอกจากนี้อาจจะมีเรื่องของอากาศ ที่เดนมาร์กอากาศจะค่อนข้างเปลี่ยนแปลงบ่อย อากาศค่อนข้างเย็นกว่าที่เมืองไทย นอกจากนี้ก็คิดว่าไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาในการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับชาวแดนิชค่ะ
6) ที่ที่คุณอยู่มีคนไทยอาศัยอยู่เยอะไหม และพวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่สบายดีไหม คุณได้คบกับคนไทยที่อาศัยอยู่ที่นั่นหรือเปล่าครับ
เมืองที่อยู่มีคนไทยค่อนข้างเยอะค่ะ รวมทั้งเมืองใกล้เคียงด้วย ส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่สบายดีกันเกือบทุกคนค่ะ มีนัดเจอกับคนไทยที่สนิทกันบ้างค่ะแต่ไม่บ่อยนักเพราะแต่ละคนต่างยุ่งกับงานและครอบครัวและเวลาว่างไม่ค่อยตรงกันค่ะ เพราะลักษณะงานของตัวเองมักจะมีเวลาเข้างานและวันหยุดไม่ค่อยตรงกันกับคนอื่นนักค่ะ
7) อะไรที่คนเดนมาร์กชอบ และคุณบอกผมได้ไหมว่าผู้ชายเดนมาร์กเป็นอย่างไร ผู้หญิงเดนมาร์กเป็นอย่างไร และครอบครัวของคนเดนมาร์กเป็นอย่างไร
คนแดนิชชอบทำอะไรขึ้นอยู่กับว่ามาจากส่วนไหนของประเทศค่ะ แต่เท่าที่สังเกตคนแดนิชอยู่กันอย่างเงียบๆ ชอบการเดินทาง ชอบธรรมชาติ ไม่มีการแบ่งแยกว่าสิ่งใดเป็นหน้าที่ของผู้ชาย สิ่งใดเป็นหน้าที่ของผู้หญิง มักจะช่วยเหลือกันรับผิดชอบหน้าที่ในครอบครัวค่ะ ผู้ชายแดนิชส่วนใหญ่จะสุภาพ ให้เกียรติผู้อื่น มีสังสรรค์เฮฮาเป็นเรื่องปกติ ผู้ชายแดนิชมักจะทำงานบ้านเก่งค่ะ ไม่ว่าจะทำอาหาร ทำความสะอาด ดูแลลูก ฯลฯ ผู้หญิงแดนิชมีความเป็นผู้นำสูง มั่นใจในตัวเอง ทำงานนอกบ้านเก่งและมักจะเป็นคนตัดสินใจในครอบครัวค่ะ สิ่งที่น่าสังเกต คือ อัตราการหย่าร้างค่อนข้างสูง น่าจะเพราะสังคมของคนแดนิชที่ทุกคนต่างมีรายได้เป็นของตัวเองค่อนข้างสูง สวัสดิการสังคมค่อนข้างดีและมั่นคง ฯลฯ ทำให้มีพ่อหรือแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวค่อนข้างเยอะค่ะ
8) ค่าครองชีพที่เดนมาร์กเป็นอย่างไร อะไรที่คุณคิดว่ามันแพงเกินไป (3 things) และอะไรที่คุณคิดว่ามันมีคุณค่าเหมาะสมกับราคา (3 things)
เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายกับรายรับถือว่าค่าครองชีพอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ค่ะ
สินค้าที่มีราคาแพง อย่างแรกคือ อาหารทะเลค่ะ ทั้งที่มีการทำประมงแต่ราคาอาหารทะเลแพงมาก
อย่างที่สองค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัย บ้าน ที่พัก มีราคาแพง เสียภาษีเยอะ
อย่างที่สาม ยารักษาโรค ที่นี่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลฟรีแต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องซื้อยาบางชนิดเองซึ่งแพงมากค่ะ
สิ่งที่เหมาะสมกับราคา อย่างแรกน่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วๆไปค่ะ เช่น ผักสด ผลไม้สด เนื้อสัตว์ ฯลฯ
อย่างที่สองค่าโดยสารขนส่งสาธารณะซึ่งมีให้เลือกจ่ายหลายรูปแบบและมีส่วนลดที่สนับสนุนให้ประชาชนใช้บริการขนส่งสาธารณะมากกว่ารถยนต์ส่วนตัวค่ะ
อย่างที่สามค่าใช้จ่ายด้านการเรียนของเด็กๆ เพราะเรียนฟรี ผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องซื้อสมุด หนังสือเรียน เครื่องแบบเอง เพราะที่โรงเรียนมีแจกให้ รวมไปถึงการเดินทางไปทัศนศึกษาของเด็กๆที่ไม่รบกวนค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครอง ผู้ปกครองจะใช้จ่ายเฉพาะค่าอาหารกลางวัน ดินสอ ปากกา ฯลฯ เองเป็นบางส่วนค่ะ
9) บอกข้อดี 3 ข้อของการใช้ชีวิตอยู่ใน เดนมาร์ก ตามความคิดเห็นของคุณ – บอกข้อเสีย 3 ข้อของการใช้ชีวิตอยู่ในเดนมาร์กครับ
ข้อดีของการใช้ชีวิตที่เดนมาร์ก คือ
1 . เงียบ สงบ และปลอดภัยค่ะ ด้วยจำนวนพลเมืองที่ค่อนข้างน้อยในเดนมาร์กทำให้การใช้ชีวิตที่นี่เป็นไปอย่างเรียบง่าย การอยู่อาศัยที่ผู้คนต่างมีความเคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตกันอย่างเงียบๆ สงบ เราจะไม่ค่อยเห็นการทะเลาะเบาะแว้ง อารมณ์ฉุนเฉียวจากผู้คนที่นี่มากนัก ความปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรมค่อนข้างสูง อาจจะมีบ้างแต่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยเมื่ออาศัยที่นี่ ถึงแม้ผู้คนจะไม่ค่อยยิ้มแย้มเหมือนที่เมืองไทย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่นี่จะใจดี มักชอบให้ความช่วยเหลือผู้อื่นและมีคุณธรรมในใจค่อนข้างสูง การก่อความรำคาญให้ผู้อื่นค่อนข้างมีอยู่น้อย รัฐบาลมีระบบสวัสดิการที่สร้างความมั่นคงและความรู้สึกปลอดภัยให้แก่พลเมืองที่อาศัยอยู่ที่นี่ค่อนข้างสูง
2 . ระบบการขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพทำให้เราไม่ต้องรู้สึกอึดอัดกับปัญหาการจราจรที่อาจพบในเมืองใหญ่ๆ ที่อื่น การเดินทางสะดวก ง่าย มีข้อมูลในการเดินทางที่ชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้ง่าย ค่าใช้จ่ายค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว ผู้คนมักจะให้ความเคารพกฏจราจรทำให้ปัญหาอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้น้อยมากค่ะ
3 . การส่งเสริมการศึกษาที่ดีและมีมาตรฐาน รัฐบาลส่งเสริมให้พลเมืองมีการศึกษาที่ดี สนับสนุนการศึกษาแก่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเดนมาร์กอย่างเท่าเทียมแม้จะไม่ได้มีสัญชาติแดนิช แต่พลเมืองที่อาศัยในเดนมาร์กมีสิทธิ์ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษามักจะได้คำปรึกษาในการเรียนที่ดี ทำให้เป็นการเรียนอย่างมีความสุข และกระตุ้นให้พลเมืองอยากเรียน
ข้อเสียของการอยู่อาศัยในเดนมาร์กในความคิดเห็นของตัวเองยังไม่มีเป็นที่ชัดเจนค่ะ ข้อเสียหลักน่าจะเป็นเรื่องของการที่เราต้องมาอาศัยต่างบ้าน ต่างเมือง ต่างวัฒนธรรมและประเพณี ทำให้เรารู้สึกแปลกแยก คิดถึงบ้านที่เมืองไทยอยู่บ่อยครั้ง ภาษาแดนิชที่ยากทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการสื่อสารบ่อยครั้ง เกิดความท้อแท้ใจบ้างแต่เรามักจะโชคดีที่มีคนเข้าใจและให้กำลังใจ เลยไม่ค่อยรู้สึกว่าการอาศัยอยู่ที่เดนมาร์กจะมีข้อเสียอะไรมากนัก นอกจากความคิดถึงบ้านเกิด
10) อะไรคือปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยและคนเดนมาร์กในเรื่องของความโรแมนติก
ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม ประเพณีและแนวคิดทำให้เรามีความต่างกัน คนไทยมักจะไม่เปิดเผยหรือแสดงความรักต่อคู่รักต่อที่สาธารณชน แต่สำหรับคนแดนิชเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้คนไทยเรายังมีเรื่องของศีลธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การแสดงความรักต่อกันไม่ได้แสดงออกอย่างที่คนแดนิชทำ แต่เมื่อทำความเข้าใจกันระหว่างเรา อธิบายถึงเหตุและผลก่อนการแต่งงานและตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน ก็สามารถทำให้ปัญหาเหล่านี้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยได้
11) คุณยังมีครอบครัวที่ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองไทยหรือไม่ ถ้ามี….คุณคิดถึงครอบครัวของคุณมากไหมและคุณคิดถึงเมืองไทยหรือเปล่าและสถานที่ไหนในประเทศไทยที่คุณชอบไปเที่ยวมาก
มีพี่ชายหนึ่งคน น้องชายหนึ่งคน และคุณแม่ที่ยังอาศัยอยู่ที่เมืองไทยค่ะ คิดถึงครอบครัวที่เมืองไทยมากค่ะ สถานที่ที่มักจะไปเที่ยวในเมืองไทยมักจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น ภูเขา ทะเล แต่ถ้าได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทย จะชอบใช้ชีวิตกับครอบครัว หรือนัดเจอเพื่อนสมัยเรียน เพื่อนร่วมงานเก่ามากกว่าค่ะ แล้วมักจะอยู่กับบ้านเพราะไม่ชอบขับรถยนต์ค่ะ ไม่ชอบความอึดอัดจากการจราจร
12) คุณเคยรู้สึกไม่ปลอดภัยบ้างไหมขณะที่คุณอาศัยอยู่ในเดนมาร์กครับ
เคยค่ะ เมื่อปีที่แล้วเดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟตอนดึก แต่ใช้บริการรถไฟไม่ได้เพราะมีผู้พบวัตถุต้องสงสัยว่าจะมีระเบิด ทำให้ต้องหาวิธีกลับบ้าน ซึ่งดึกและไม่รู้ว่ารถไฟและรถบัสจะเริ่มให้บริการอีกครั้งตอนไหน ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยค่ะ
13) สถานที่ไหนในเดนมาร์กที่คุณชอบไปเที่ยวมาก – เดนมาร์กสวยไหมครับ
ที่บ้านชอบเที่ยวสวนสนุกกันค่ะ เช่น Tivoli, Bakken, Sommerland, Legolan ฯลฯ นอกจากนี้ที่เดนมาร์กยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจ เดนมาร์กเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวเพราะมีการเดินทางที่สะดวกสบาย มีข้อมูลการท่องเที่ยวที่หาได้ง่าย ที่พักมีให้เลือกหลากหลายค่ะ
14) อะไรคือสิ่งที่คุณรัก และอะไรคือสิ่งที่คุณชอบทำในยามว่างของคุณ
สิ่งที่รัก คือ ครอบครัวค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาว่างส่วนใหญ่จะใช้กับครอบครัวมากกว่าอย่างอื่นค่ะ มักจะใช้เวลาว่างกับการทำขนม ทำอาหาร ออกกำลังกาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับคนในครอบครัวมากกว่าออกไปนอกบ้านค่ะ
15) ผู้หญิงไทยบางคนคิดว่าการย้ายมาอยู่ ในต่างประเทศ / เดนมาร์ก จะทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น คุณมีคำแนะนำที่จะบอกผู้หญิงไทยที่คิดแบบนี้อย่างไร และคุณมีคำแนะนำอะไรที่จะแนะนำให้พวกเขาต้องระมัดระวังบ้างไหม
การใช้ชีวิตในต่างประเทศมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่จำเป็นต้องอยู่ต่างประเทศเสมอไป อยู่ที่วิธีการคิด การดำเนินชีวิต การปรับตัว ฯลฯ ข้อดีของการอยู่ต่างประเทศอาจจะทำให้เราได้มีคุณภาพชีวิตในบางด้านดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันตัวเราเองก็ต้องปรับตัวทั้งด้านภาษา ประเพณี วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม ฯลฯ ในขณะที่อยู่บ้านเรา เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหรือปรับตัวเท่าใดนัก หากเราต้องการเรียนรู้หรือมีประสบการณ์จากการอยู่ต่างประเทศ เราก็ต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ภาษาเป็นสิ่งจำเป็นมากในดำรงชีวิตในต่างประเทศ เพราะภาษาเป็นสิ่งที่เราต้องใช้ในการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจกับคนรอบข้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคู่ชีวิตของเรา หากเราขาดความเข้าใจภาษาอาจจะทำให้เกิดอุปสรรคในการดำรงชีวิตในต่างแดนได้ สิ่งที่เราควรระมัดระวังในการใช้ชีวิตต่างแดน คือ เมื่อเราอยู่อาศัยในที่ใดก็ตาม เราควรให้ความเคารพเจ้าบ้าน เคารพวัฒนธรรม ประเพณีของประเทศนั้นๆ ควรมีทัศนคติทางบวกในการดำรงชีวิตร่วมกับคนที่มาจากต่างประเพณีและวัฒนธรรม แม้มนุษย์จะมีความแตกต่างกันแต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน
โปรดลงทะเบียนเพื่อรับThai Women Living Abroad ข่าวสารใหม่อย่างต่อเนื่อง
เป็นเว็บไซต์ที่ดีมากเลยค่ะ เจอครั้งแรกก็ชอบเลย
LikeLiked by 1 person